8.28.2551
งานที่ 2 การพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ
1. เพิ่มพลังสมองเป็น 10 เท่าจากผลการทดลองพบว่า 90% ของกำลังสมอง หมดไปกับการคิดเรื่องที่ไม่ก่อประโยชน์ และมักจะใส่ความคิดผิด ๆ ให้สมองของตัวเอง ดังเช่นการทำงานของคอมพิวเตอร์ ถ้าใส่ software ที่ผิด ผลการคำนวณก็ออกมาผิดถ้าจะเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ ในทางทฤษฎีพบว่า "สมองมนุษย์เก็บข้อมูลได้เยอะกว่าและสามารถประมวลที่มีความสลับซับซ้อนได้รวดเร็วดีกว่าคอมพิวเตอร์" ถ้าสมมติฐานดังกล่าวเป็นจริง เราก็น่าจะเรียนรู้อะไรได้เร็ว มีความจำเป็นเลิศ แต่ในชีวิตจริงทำไมกลับตรงกันข้าม หรือเป็นเพราะเราไม่รู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เรียนรู้ช้าและปัจจัยอะไรที่ทำให้เรียนรู้ได้เร็ว เมื่อคุณพบคำตอบ คุณอาจค้นพบตัวเองก็ได้
2. ทำไมเราจึงเรียนรู้ช้าเพราะขาดความสามารถในการจดจ่อความคิดต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเวลานานได้ และไม่สามารถควบคุมความคิดให้คิดในทางที่สร้างสรรค์ได้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะปล่อยให้สถานการณ์ภายนอกชักจูงความคิดให้โดดไปมา คิดเรื่องในอดีตหรือเรื่องที่ก่อความทุกข์ให้กับตัวเอง และมักปล่อยให้ความคิดในทางทำลายตัวเองเข้ามาบั่นทอนประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ทำให้เรียนรู้ช้า คิดไม่ชัดเจนหรือคิดไม่ทัน ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่สามารถตั้งใจคิดได้ คุณก็จะไม่พบคำตอบ
3. ทำอย่างไรจึงจะเรียนรู้ได้เร็ว
1. เปลี่ยนความคิดจากทางลบ (Negative) มาเป็นทางบวก (Positive)
- ทำงานอย่างมีเป้าหมาย ถ้าอยากฉลาดแบบนักคิดระดับโลก ก็ต้องคิดเหมือนพวกเขา คือ ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีเป้าหมาย เช่น ก่อนจะอ่านหนังสือก็ต้องรู้ก่อนว่าเรากำลังจะอ่านอะไร อ่านไปเพื่ออะไร เป็นต้น
- ต้องรู้ระบบความคิดของตนเองก่อนว่าความคิดไหนทำให้เราคิดในทางลบ เช่น เมื่อเราเห็นคนอื่นทำไม่ได้ เราจึงคิดว่าเราทำไม่ได้ เชื่อว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะความจำไม่ดี เป็นต้น- ตัดความคิดในทาง Negative ทิ้งแล้วใส่ความคิดในทาง Positive ลงไปแทนที่ เช่น คนอื่นทำไม่ได้ช่างเขา เราทำได้ก็แล้วกัน ท่านทำได้ ถ้าท่านคิดว่าท่านทำได้ เป็นต้น
2. หัดผ่อนคลายทั้งกายและใจจากการทดลองพบว่า คนเราจะเรียนรู้ได้เร็วเมื่ออยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายทั้งกายและใจ ดังนั้น เราควรรู้จักผ่อนคลายจิตใจบ้าง เช่น ฝึกโยคะ ฝึกสมาธิ หรือการสวดมนต์ อาจกล่าวได้ว่า การผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ช่วยยับยั้งความคิดทาง Negative ได้ชั่วคราว
3. พยายามสังเกตว่าตัวเองเรียนรู้ได้ดีจากสื่อใดถึงแม้สมองจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน แต่รูปแบบหรือวิธีการเรียนรู้ของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน บางคนเรียนรู้ได้เร็วจากการพูดคุยกับผู้อื่น การอ่าน ต้องคิดหาตรรกะ (logic) ด้วยตนเอง ต้องเห็นด้วยตา ถ้าฟังไม่เข้าใจต้องเขียนหรือดูภาพ หรือบางคนต้องฟังอย่างเดียว ดังนั้น ถ้าเราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ให้ดีขึ้น จำเป็นต้องสำรวจตัวเองว่า - รูปแบบการเรียนรู้แบบใดทำให้เราเรียนรู้ได้เร็ว- ในช่วงเวลาใดของวันที่เรามีสมาธิสูงสุด กระตือรือร้นสูงสุด
4. พยายามสร้างจุดเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลกับสมองจะช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลและดึงข้อมูลมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจใช้การตั้งคำถาม การเปรียบเทียบข้อมูล เพราะสูงสุดของการเรียนรู้ คือ การนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์
5. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำนอกจากจะทำให้มีความสดชื่น กระตือรือร้นแล้ว เมื่อออกกำลังกายนานติดต่อกัน 12 - 20 นาที จะส่งผลให้สมองทำงาน (function) ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้สมองทั้ง 3 ส่วน คือ สมองส่วนซ้าย ส่วนขวา และส่วนกลาง ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างสะดวก ทำให้สามารถใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้สมองทั้ง 3 ส่วน ได้พร้อม ๆ กันในเวลาเดียว
6. ควรเข้าใจการทำงานของสมองการทำงานของสมองในส่วนความจำจำทำงานได้ดีในเวลาที่ต่างกัน ดังนี้- ช่วงเช้า ความจำระยะสั้น
- ช่วงบ่าย ความจำระยะยาว
- ก่อนนอน ความจำเกี่ยวกับตัวเลข
4. ทำอย่างไรจึงจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ในแต่ละแบบได้ตามที่ได้กล่าวแล้วว่า แต่ละคนจะมีความสามารถในการเรียนรู้ต่างกัน บางคนจะเรียนรู้ได้ดี จากการพูดคุยหรือจากการอ่าน เป็นต้น ดังนั้น วิธีเพิ่มประสิทธิภาพของสมองย่อมแตกต่างไปตามรูปแบบการเรียนรู้ ดังนี้
1. การสร้างความจำทางกายภาพสมองมนุษย์สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ภายในเวลา 1/1000 วินาที ข้อมูลที่ได้รับจะอยู่ภายในสมองครบถ้วนโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่เราไม่สามารถดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ได้ สาเหตุหนึ่งมาจาก "การลืม" ทุกครั้งที่ได้รับข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การอ่าน ฟัง หรือคิด เป็นต้น จะเกิดอัตราการลืมโดยเฉลี่ยภายใน 5 นาที จะจำข้อมูลได้ 50% และถ้าผ่านไป 1 วัน จำได้ 10% จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับ แต่ข้อมูลทั้งหมดยังอยู่ในสมองของเรา
2. การอ่านinformation if power ในสังคมปัจจุบันใครที่มีข้อมูลมากก็ย่อมมีความคิดที่ลุ่มลึกกว่า และความคิดก็จะนำมาซึ่งเงินทอง ฐานะ ตำแหน่ง และอำนาจ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการอ่าน เราควรทราบวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านด้วยวิธีง่าย ๆ อันดับแรก คือ ถามตัวเองก่อนว่า "เราต้องการประโยชน์อะไรจากการอ่านในครั้งนี้"เทคนิคในการอ่านเร็ว
2.1 ควรอ่านไม่มีเสียง อ่านในใจ
2.2 การอ่านจับใจความสำคัญ เพื่อหาประเด็นที่ผู้เขียนต้องการสื่อ สามารถทำได้โดย เริ่มต้นการอ่านด้วยการหา Key concept แล้วตัดสินใจว่าจำเป็นต้องอ่านหรือไม่ เราต้องการรู้อะไร และจะอ่านส่วนไหนบ้าง รวมทั้งอ่านเจาะประเด็น ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียเวลาอ่านทุกหน้า
2.3 ต้องประเมินแหล่งข้อมูล เพราะประโยชน์สูงสุดของการอ่าน คือ การนำข้อมูลมาใช้ จึงจำเป็นต้องประเมินความน่าเชื่อถือ และแหล่งที่มาของข้อมูล โดยการพิจารณาจากความทันสมัย (update) ของข้อมูล สำนักพิมพ์ เป็นต้น
3. การฟังตามทฤษฎีที่ว่าข้อมูลที่เราได้รับทุกอย่างจะถูกบันทึกในสมอง ถ้าได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในทางบวกเยอะ ๆ ย่อมทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่บวก พร้อมที่จะแก้ปัญหามากกว่ายอมแพ้ปัญหา ดังนั้น เราควรกลั่นกรองแต่ละข้อมูลที่เราได้รับ ก่อนที่ข้อมูลนั้นจะถูกบันทึก (memory) ลงในสมอง ซึ่งมีกลวิธี ดังนี้
1. ประเมินผู้พูด: มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
2. Self-talk: ถามตัวเองตลอดเวลาว่า "ผู้พูดต้องการพูดเพื่ออะไร"
3. ฟังด้วยความรู้สึก: ใช่หรือไม่ใช่
4. การคิดคนที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมี IQ สูง แต่ต้องมีความคิดอย่างเป็นระบบ และคิดอย่างสร้างสรรค์ ในเรื่องที่มีประโยชน์
ที่มา : สลค. สาร ปีที่ 14 ฉบับที่ 5 เดือนพฤษภาคม 2549 http://www.moe.go.th/check/newnaru13.htm
งานที่1 หลากมารยาทดีๆในที่ทำงาน
การรู้จักกาลเทศะ มีมารยาทและวางตัวดีในที่ทำงานจะช่วยให้การงานราบรื่น ช่วยผ่อนความเครียดที่อาจเกิดจากคนรอบข้างได้ มันไม่ง่ายเลยกับการทำงานกับคนมากมายทุกๆ วันโดยที่คนเหล่านั้นไม่ใช่เพื่อนหรือคนที่รู้จักคบหากันมาก่อน ดังนั้นการเรียนรู้มารยาท และการวางตัวในที่ทำงาน ก็จะช่วยให้การงานราบรื่นขึ้น ลองนำเคล็ดลับไปใช้ดู
1. ควรทำตัวอย่างไรในการแนะนำตัวคุณควรรอให้อนุญาตให้นั่งเสียก่อนแล้วจึงนั่งลง หากได้รับคำถามว่าดื่มชา กาแฟก็ควรตอบรับเพื่อช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น ที่สำคัญคืออย่าไปสาย ควรตรงต่อเวลาและให้เวลากับการแนะนำตัวเองอย่างไม่จำกัดเวลาแม้ว่าคุณอาจพลาดกับรถเที่ยวต่อไปก็ตาม เพราะหากคุณบอกว่า "ดิฉันต้องไปแล้วค่ะ" นั่นอาจหมายถึงว่าคุณต้องลาจากชั่วนิรันดร์
2. พนักงานใหม่ควรวางตัวอย่างไรหากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีกับผู้ร่วมงานในที่ทำงานใหม่ก็อย่าเพิ่งกังวล คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองทันที แรกๆ คุณควรศึกษากฎระเบียบเสียก่อนและสังเกตขนบธรรมเนียมและมารยาทในที่ทำงานใหม่เพราะคุณอาจทำงานได้ดีมากแต่อาจทำผิดสังคมในที่ทำงานได้ ดังนั้นคุณจึงไม่ควรเลี้ยงฉลองอะไรในวันแรก แต่ให้ผ่านช่วงทดลองงานไปก่อน
3. ทำอย่างไรดีกับเพื่อนร่วมงานคุณจัดการกับโต๊ะทำงานของตัวเองได้ แต่ไม่ควรยุ่งกับโต๊ะทำงานของคนอื่น และไม่ควรเอาของใช้ เช่น กระเป๋าหรือสิ่งของไปวางในพื้นที่ทำงานแม้ว่าคุณอยากจะโชว์ให้เพื่อนร่วมงานเห็นก็ตาม นอกจากนี้ความเครียดจะเกิดขึ้นถ้าคุณเอาตัวไปเบียดใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานเพราะมนุษย์ส่วนมากมักมีความรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ห่างกันหนึ่งช่วงแขน กฎในออฟฟิศอีกอย่างก็คือ เมื่อคุณจะไอหรือจามก็ควรออกนอกห้อง
4. หลีกหนีเพื่อนร่วมงานจอมเมาท์อย่างไรดีขณะที่คุณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่แล้วเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเข้ามาป้วนเปี้ยนในห้องคุณและคอยจับผิด ให้คุณถามว่า มีอะไรให้ช่วย หรือบอกว่า เดี๋ยวคุณจะตามไป หรือบอกไปว่าคุณกำลังสะสางงานอย่างเร่งด่วนอยู่ หากคุณเห็นว่าไม่เหมาะที่จะทำตัวสนิทสนมด้วยก็ให้รักษาระยะห่างไว้
5. จำเป็นต้องไปสรวลเสเฮฮาหลังเลิกงานด้วย หากเพื่อนร่วมงานชวนคุณไปดื่มหรือเข้าร้านอาหารหลังเลิกงาน แต่คุณไปไม่ได้ก็ควรกล่าวคำขอโทษ เช่น "ขอบคุณที่ชวนนะคะ แต่บังเอิญติดธุระ" และหากคุณไปด้วยก็ควรอยู่ด้วยอย่างน้อยที่สุด 15 นาที
6. ทำอย่างไรดีเมื่อถูกจับได้ว่านินทาคนอื่นคุณกำลังนินทาเรื่องไม่ดีของผู้ร่วมงานคนหนึ่งอยู่โดยที่เธอยืนอยู่ข้างหลังคุณ ดังนั้นคุณจึงควรกล่าวคำขอโทษและบอกว่า คุณไม่ได้หมายถึงอย่างที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้ และแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของคุณด้วยการช่วยเหลือเธอ เปิดเผยและซื่อสัตย์
7. เจอเพื่อนร่วมงานกลางทางให้คุณเดินไปหาและทักทาย หากคุณไม่แน่ใจว่าเพื่อนร่วมงานอยากจะทักคุณหรือไม่ ก็ให้คุณพยายามสบตาด้วย หากเธอมองไปทางอื่นก็แสดงว่าเธอไม่อยากทักทายคุณ แต่ถ้าคุณอยู่ใกล้ประตูรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ก็ให้หยุดรอตอนขาลงและทักทายเธอ คุณก็จะได้เพื่อนร่วมทาง หรือหากคุณไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยก็ต้องขึ้นรถเช้ากว่านี้เพื่อไม่ต้องเจอกัน ในลิฟต์ บางคนกลัวการอยู่ในที่แคบ เช่น ในลิฟต์ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กลัวการอยู่ในที่แคบและเจอผู้ร่วมงานในลิฟต์ก็ควรทักทายแล้วจะหันหน้าไปทางประตูลิฟต์ก็ไม่มีใครว่าและควรถามคนอื่นด้วยว่าอยู่ชั้นไหนแล้วกดลิฟต์ให้ด้วย
8. ไม่ควรนำโทรศัพท์มือถือเข้าที่ประชุมเพราะมันมักรบกวนห้องประชุม หากคุณจำเป็นต้องรอโทรศัพท์สำคัญก็ให้บอกกับทางโน้นว่าในช่วงเวลานี้ คุณติดประชุมไม่อาจรับโทรศัพท์ได้ หรือระหว่างพักการประชุมก็โทรศัพท์ไปหาได้ หากคุณตั้งสัญญาณสั่นสะเทือนไว้ ก็ให้ออกไปพูดนอกห้องประชุม
9. การโต้ตอบอีเมล์ควรตรวจเช็คและตอบอีเมล์วันละอย่างน้อยที่สุด 2 รอบ ตอนเช้า กลางวันและที่ดีที่สุดคือตอนเย็น หากคุณไม่สามารถตอบได้ทันที ก็ให้ส่งข้อความสั้นๆ ว่าคุณไม่อยู่ 2-3 วัน และบอกด้วยว่าคุณจะอยู่ในออฟฟิศอีกครั้งเมื่อไหร่ นอกจากนี้ก็ควรเขียนอีเมล์อย่างระมัดระวัง ถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาด และบันทึกไว้อย่างมีระเบียบเพื่อที่คุณจะได้หาได้ง่ายเมื่อต้องการค้นหา ไม่ควรใช้คำย่อ มีคำขึ้นต้นและลงท้ายอย่างมีมารยาท
ที่มา http://www.citylifefm.com/cityboard/viewtopic.php?t=4760
8.09.2551
วิธีการทำความสะอาด Eye-Chip ของน้องไบลธ์
มาอีกแล้วคะ กับ custom blythe วันนี้เรามาดูวิธีการ นำเอา eyechip เก่าๆ เสียๆ ที่ถอดออกมา กลับมาทำให้เงางามใหม่เหมือนเดิมกันดีกว่าคะ สำหรับ tip วันนี้เราก็เอามาจาก gloovydoll.com คะ และตอนนี้เรากำลังจะทำ วิธีการ custom ของเราเองโดยใช้วัสดุที่หาได้ในประเทศ เพราะว่าล่าสุดเราไปเช็คดูแล้ว อุปกรณ์บางอย่างที่เคยหาซื้อได้แต่ตอนนี้ กลับไม่มีแล้ว สำหรับ การ custom blythe ที่เรากำลังทำกันอยู่ก็ คือ Sand matted และ Eye Bloging ยังไงก็คอยติดตามกันนะคะ
ยังไงวันนี้เรามาดูวิธีการซ่อมแซม eyechip กันก่อนดีกว่าคะ แต่ต้องบอกก่อนนะคะว่า วิธีต่อไปนี้จะใช้ได้กับ eyechip ของแท้ที่ติดมากับตุ๊กตา ของ Takara กับ Hasbro เท่านั้น เราไม่รับระกันนะคะถ้านำไปใช้กับ eye-chip ยี่ห้ออื่นๆ คะ
มาเริ่มกันเลยดีกว่าคะ ก็จะเห็นได้ว่า eye-chip เก่าๆ ที่เราถอดออกมาไม่ว่าโดยใช้ แ่ท่งกาวร้อนหรือ วิธีอื่นๆ ก็มักจะมีคราบ ของกาวหรือ รอยขีดข่วนต่างๆ ที่ทำให้ eye-chip ไม่ได้สดใส แวววาวเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ต้องโยนทั้งนะคะ เราสามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ โดยวิธีง่ายๆ
ก่อนอื่นเราสามารถ ล้างคราบกาว คราบมัน และสีติดต่างๆ ที่ติดอยู่ออก โดยการ แช่ eye-chip ไว้ใน แอลกอฮอล์ เช็ดแผล (Isopropyl Alcohol) ทิ้งไว้สัก 1 คืนไอโซโพรพิล แอลกอฮอล์ ก็คือ ethyl alcohol เจือจาง 60-70% คะ หรือ จะใช้แอลกอฮอล์ ล้างแผลสีฟ้าๆ ที่เห็นกันทั่วไปก็พอได้คะ แช่ไว้ข้ามคืนก็จะช่วยล้างคราบมันต่างๆ ออกได้
เมื่อแช่ เสร็จแล้ว ทีนี้ก็ ขัดคราบต่างๆ ที่เหลืออยู่ออก โดยใช้แปรงสีฟันเก่าๆ แต่ถ้ายังมีสีหรือคราบกาวติดอยู่ โดยเฉพาะที่ส่วนตาดำ ก็สามารถใช้ ทินเนอร์สำหรับผสมสี ชุบผ้าเช็ดออกก็ได้คะทินเนอร์ ก็ควรเลือกแบบที่ใช้สำหรับ model พลาสติกคะ เช่น ของ Mr.Color Leveling Thinner(คลิกเพื่อดูรูป) หรือ ของ Tamiya ก็ได้คะ ซึ่งหาซื้อได้ที่ Central แผนกของเล่น หรือร้านขาย Model ทั่วไป
ภาพ Eye-chip ที่ได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อย แล้วแต่ก็อาจจะมีบางอันที่ส่วนตาดำ อาจจะมีรอยขีดข่วน หรือสีติดอยู่ ตามร่องก็สามารถใช้ตะไบเล็บขัดออกได้นะคะ ตามวิธีด้านล่างคะ
เมื่อมั่นใจว่า eye-chip สะอาดเรียบร้อยดีแล้ว คราวนี้ก็สามารถทาสี กลับไปที่ส่วนตาดำได้เลยคะ ซึ่งก็สามารถใช้ปากกาที่ใช้เขียนพลาสติก (acrylic paint marker) ซึ่งในบ้านเรา ก็จะมีของ Tamiya หรือจะใช้สี Tamiya แบบขวดโดยใช้ผู้กันทา ก็ได้คะ (คลิกเพื่อดูรูปสีของ Tamiya คะ)ตรงนี้ก็มีเทคนิคนิดนึง เวลาทาสีถ้ากลัวสีเปื้อน ก็สามารถนำกระดาษมาเจาะรู โดยใช้ที่เจาะกระดาษทั่วไปเวลาเข้าแฟ้ม แล้วก็นำ eye chip สวมทับเข้าไปได้เลยคะ ที่นี้ก็ไม่ต้องกลัวสีเปื้อนแล้วคะ
การลบรอยขีดข่วน บน Eye-Chip
ที่นี้เราก็มาดูวิธีการ ซ่อม eye-chip ที่มีรอยขีดข่วน กันบ้างนะคะ
ในภาพก็จะเห็นได้ว่า eye-chip ที่มีรอยขีดข่วนค่อนข้างลึก แต่ก็สามารถซ่อมได้คะ โดยอุปกรณ์ ง่ายๆ ก็คือ ตะไบสำหรับทำเล็บอคิลิก ซึ่งก็จะมีความหยาบหลายๆ ขนาดนะคะซึ่งตะไบ ที่เราจะใช้ก็จะมี 2 อย่าง ก็คือ ตะไบเล็บทั่วไป เนื้อหยาบปานกลางจนถึงแบบละเอียด ใช้สำหรับลบรอย และ ตะไบขัดเล็บ (Nail Buffer) คะ ซึ่งทั้ง 2 แบบ ก็จะมีขายตามร้านทั่วไป หรือร้านที่รับต่อเล็บ หรือ paint เล็บคะถ้าเราใช้ไม่เยอะเค้าก็จะมีขายแบบ เป็นแพ็คโดยจะมีตะไบที่มีความหยาบ ต่างๆ กัน แต่ส่วนตะไบขัดเล็บ ก็ต้องซื้อแยกคะ
ก็เริ่มด้วยการลบรอย ด้วยตะไบเล็บแบบหยาบปานกลาง ขัดไปทั่วๆ ทั้ง eye chip ให้ลอยขุดจางลงจนเสมอกันทั้งหมด ลองใช้เล็บขุดๆดู จะต้องไม่รู้สึกถึงรอยขีดข่วนเดิมคะ
เมื่อไม่รู้สึกถึงรอยขีดข่วนแล้ว ก็เริ่มขัดโดยใช้ ตะไบเล็บที่หยาบน้อยลง จนสุดท้ายก็ใช้ ตะไบขัดเล็บ ขัดจนเงาเหมือนในรูปคะ
อ้างอิงมาจากเวป :: http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=2940804531314748182
มาเปลี่ยน Eye Chips ให้น้องบลายธ์กันเถอะ
เราสามารถเปลี่ยน Eye Chip ของน้อง บลายธ์ ได้หลายแบบคะ เราจะนำมาให้ดูสัก 2 แบบ นะคะ คือ แบบเปิดหัวและ แบบไม่เปิดหัวคะ ดูได้ที่ วิธีเปลี่ยน Eye chip น้องบลายธ์ แบบไม่ต้องเปิดหัว
แบบเปิดหัว
ขั้นตอนแรก มาเตรียมอุปกรณ์ที่เราต้องใช้ ในการเปลี่ยน Eye Chip กันดีกว่าคะ
- แบตเตอรี่ ไซส์ AA ยี่ห้ออะไรก็ได้
- ไขควงอันจิ๋วแบบ สี่แฉกนะคะ เอาไว้ไขเปิดหัวน้องบลายธ์ และไขควงปากแบน อันนี้เอาไว้งัดแงะ ชำแหละน้องBlYthE
- กระดาษกาวสองหน้าติดแน่นพิเศษ ขอแนะนำยี่ห้อนี้เลยคะรุ่น 4011T รุ่นนี้ เจ๋งที่สุดเท่าที่เคยใช้มาแล้วหล่ะ อ้อ ! อย่าลืมไม้เสียบลูกชิ้นด้วยน้า
- กาวน้ำสีขาว ใช้ Aleene’s all-purpose tacky glue ยี่ห้อนี้เวลาแห้งจะเป็นสีใสคะ แล้วก็ยืดหยุ่นใช้ง่ายดีด้วย
- และที่ขาดไม่ได้เลย >> New Eye Chips เพือนสามารถเลือกสีที่ชอบได้ จาก Eye Chips สุด HO
.....................................................................................
1. มาเริ่มกันเลยดีกว่าคะ หลังจากเปิดหัวน้องออกมา เราจะเจอ T-Bar เอาไขควงสี่แฉกไขส่วน T-Bar ออก
.....................................................................................
2. ใช้ไขควงปากแบน ค่อยๆงัดขึ้น-ลงอย่างเบามือ จนกระบอกคู่ตาหลุดออกมา
3. ถ้าเพื่อนๆ ต้องการจะเปลี่ยนสีลูกตา และแบบของขนตา ในคราวเดียวกัน เพื่อนๆ สามารถแช่กระบอกคู่ตานี้ลงไปในน้ำอุ่นได้พร้อมๆ กัน เพราะกาวที่ติดสีลูกตา และกาวติดขนตาจะละลายออกไปในคราวเดียวกัน ทั้ง Eye Chips and Eye Lash เลยหล่ะคะ จับแช่เหมือนในภาพด้านล่างนี้เลยคะ
.....................................................................................
4. ในกรณี ไม่อยากล้างขนตาดั้งเดิมออกไป ให้ใช้ไขควงปากแบน ค่อยๆงัด เจ้าก้อนพลาสติกสีขาวที่เป็นตัวยึดออก ควรทำทั้งคู่ไปพร้อมๆ กันจะหลุดได้ง่ายขึ้นค่ะ ระวัง สปริงกระเด้งหายไปนะคะ ยิ่งชอบหายง่ายด้วยคะ ตัวนี้เนี่ย
.....................................................................................
5. ความฝันใกล้จะเป็นจริงแล้วหล่ะคะ ทีนี้ก็เอาเบ้าลูกตาออกมาได้แล้ว
.....................................................................................
6. แล้วก็เอาเบ้าลูกตาแยกออกเป็นสองข้าง เก็บแกนและอุปกรณ์ที่เหลือไว้ให้ดีนะคะ อย่าทำหายหล่ะ
.....................................................................................
ฺการนำ Eye Chip ออกจากลูกตา โดยใช้ถ่าน AAก่อนที่จะเริ่มต้นขั้นตอนนี้ เพื่อนๆ ต้องเอา Eye Chips อันเดิมออกก่อนคะ จะเปลี่ยนกี่คู่ กี่สี ก็เอาออกเท่านั้นเลยคะ และขั้นตอนนี้เองเราให้เจ้า ก้อนแบตเตอรี่เป็นพระเอกในการจะช่วยเพื่อนๆ เปลี่ยนคอนเทคแลนส์ให้น้องไบล์ธยังไงหล่ะคะ เรามาเริ่มพร้อมๆ กันเลยค่า
1. นำกระดาษกาวสองหน้าชิ้นประมาณในภาพ พับสัก 2-3 ทบ มาแปะในขั้วลบของก้อนแบตเตอรี่ หรือด้านที่แบนๆ หน่ะคะ
อ้างอิงมาจากเวป :: http://www.blythethailand.com/custom-blythe/replace-blythe-eye-chips.html
วิธีการทำ Sleep Eye
หลักการก็คือ ตาของน้องจะกระเด้งกลับ หลังจากเราดึงเชือก ก็เพราะในหัวน้องจะมีสปริงดึงอยู่กับเปลือกตา เพื่อดึงให้เปลือกตาเปิดหลังจากปล่อยเชือก คะ เราก็เพียงแค่เอาสปริงตัวนี้ออก แล้วแทนที่ด้วยเชือกอีกเส้น เพื่อดึงให้ตาน้องเปิดได้เมื่อต้องการ หรือเปิดแค่ครึ่งเดียวก็ได้คะ
eye จริงๆแล้วแค่ปลดสปริงออกจากด้านหลัง (รูสีเหลี่ยม) ก็สามารถทำให้น้องหลับตาได้แล้วคะ แต่ที่ต้องยุ่งยาก ก็เพื่อเพิ่มเชือกอีกเส้นเข้าไปเพื่อ ดึงให้น้องเปิดตาได้ โดยไม่ต้องใช้นิ้วเปิดตา การเพิ่มเชือกเข้าไป ก็สามารถทำได้ 2 วิธี คะ
โดยวิธีแรกจะต้องเปิดหัวน้องออกมาก่อน ซึ่งเราจะแนะนำให้ใช้วิธีนี้ โดยเฉพาำะกับ Radient Blythe ซึ่งเปิดหัวได้ง่ายคะ วิธีนี้จะทำได้ง่ายและใช้งานได้ดีคะ ส่วยวิธีที่สอง ก็คือ ทำ sleep eye โดยไม่ต้องเปิดหัว ซึ่งเราจะพูดถึงสั้นๆ ในตอนหลังคะ
สำหรับวิธีที่สอง เราอยากไม่แนะนำให้ทำคะ เพราะวิธีนี้จะผูกเชือกไว้กับ สปริงเลย ถ้าดึงแรงเกินไป หรือใช้ไปนานๆ อาจจะทำให้สปริงยืด และเสียหายได้ และในการแก้ไขก็จำเป็นจะต้องเปิด หัวน้องออกมาอยู่ดี แต่วิธีการนี้ก็อาจจะเหมาะ กับคนที่ไม่อยากเปิดหัวน้องออก แต่อยากทำ sleep eye คะ ซึ่งก็ต้องยอมรับ ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
วิธีการทำ Sleep Eye โดยการเปิดหัว
ก่อนอื่นเลยก็จัดการเปิดหัวน้องก่อนเลยคะ ถ้าเป็น Radient Blythe (RBL) ก็ดูวิธีการได้ที่ วิธีเปิดหัวน้องบลายธ์แบบ Radient Blythe Type (RBL) ส่วนน้องรุ่นไหนเป็น type อะไรก็ดูกันได้ที่ Blythe Body Type นะคะ
เมื่อเปิดหัวออกมาเรียบร้อย เราก็จะเห็นเชือกเส้นเดิมผูกอยู่ที่แกนเดิม ปล่อยมันไว้งั้นคะ
ที่นี้ทางด้านบนก็จะมีรูสำหรับสปริงอยู่แล้ว ก็ผูกเชือกใหม่เข้ากับรูสปริงได้เลยคะ ตรงนี้ก็อาจจะใช้ีเชือกสีอื่นก็ได้นะคะ เพื่อความแตกต่าง เมื่อผูกเชือกเรียบร้อย ก็ทดลองดึงๆด้วยนะคะดูว่าผูกแน่นหนาดีแล้ว
สำหรับสปริงไม่ต้องถอดก็ได้นะคะ ก็ห้อยไว้อย่างนั้น เพียงแต่ร้อยเชือกผ่านสปริงเพื่อ ความเรียบร้อย
ต่อไปก็เอาปลายเชือกร้อยออก ทางรูสี่เหลี่ยม ด้านหลังส่วนหัว แล้วก็ผูกกับที่ดึงอันใหม่ให้เรียบร้อย สำหรับที่ดึง (Pull Charm) ก็สามารถหาจี้น่ารักๆ ขนาดพอเหมาะมาใช้ก็ได้นะคะ จัดการประกอบน้องกลับ แค่นี้ก็เรียบร้อย เชือกเส้นที่ 2 ที่เพิ่มเข้าไปก็จะทำหน้าที่แทนสปริงคะ สามารถดึงให้น้องเิปิดตาได้เมื่อต้องการ
วิธีการทำ Sleep Eye โดยไม่เปิดหัว
วิธีการทำ sleep eye โดยไม่ต้องเปิดหัว โดยสามารถผูกเชือกใหม่ไว้กับ ปลายสปริงเลย ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้ว ว่าำไม่แนะนำนะคะ เพราะ วิธีการนี้ พอนานๆ อาจจะทำให้สปริงยืดตัว และทำให้สปริงเสียหายได้คะ ก็จะอธิบายแค่คร่าวๆนะคะ วิธีการก็คือ เมื่อปลดสปริงและ น๊อตออกแล้ว ก็จะแค่แง้มๆ หัวน้องออก และก็ร้อยเชือกใหม่เข้าทางรูสี่เหลี่ยม และพยายามผูกเชือกใหม่ เข้ากับสปริงด้านที่ปลดออก อาจจะต้องใช้ปากคีบปลายแหลมเข้ามาช่วย ซึ่งต้องใช้ความสามารถส่วนตัวสูงหน่อยคะ หรือ อาจจะใช้ปากคีบดึง สปริงออกมาทางรูสี่เหลี่ยมและ ผูกเข้ากับเชือกก็ได้คะ แต่วิธีการนี้ อาจจะเหมาะกับ Blythe รุ่นที่ต้องเลื่อยเพื่อเปิดหัว เช่นรุ่น Superior อันนี้ก็ต้องตัดสินใจกันนะคะ แต่สำหรับ Blythe แบบ Radient ซึ่งเปิดหัวได้ง่ายเราจะแนะนำให้เปิดหัว เพื่อทำ sleep eye ดีกว่าคะ จะง่ายกว่ากันเยอะเลย
อ้างอิงมาจาก :: http://www.blythethailand.com/custom-blythe/how-to-blythe-sleep-eye.html
การทำ Sand Matting (ผิวด้าน) ให้น้องไบลธ์
เอาเป็นว่ายังไงเดี๋ยวเราจะแนะนำเกี่ยวกับอุปกรณ์ ทฤษฎี เยอะหน่อย และเทคนิคเพิ่มเติม เพราะขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมากคะ หลักๆ ก็คือเอาผิวแลคเกอร์ ที่เคลือบหน้าน้องไบลธ์ออกไป เพื่อลดความมันลง
อุปกรณ์พวกนี้จริงๆ ก็ไม่ต้องใช้เหมือนเราหมดนะคะ ไม่มีกฎตายตัว อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราว่าต้องการแบบไหน เพราะบางทีเราอาจจะอยากเอา make-up เก่าออกไปด้วย หรือเก็บเอาไว้ หรือบางคนอยากได้มันมาก มันน้อย แต่อุปกรณ์ที่อยู่ในบทความนี้เราได้ทำการทดลองแล้ว และมีรูปให้ดูคะ ซึ่งใน forum ก็มีกระทู้ที่เพื่อนๆ เข้ามาแนะนำอุปกรณ์ไว้อีกมากมาย เราเองก็แอบไปถามเอามา แล้วเอาลองเหมือนกัน ยังไงก็ลองเข้าไปดูกันนะคะ ที่กระทู้นี้ “
มีใครรับสอนวิธีการ Custom น้องบ้างคะ” ในห้อง Custom Blythe คะ
การทำผิวด้าน หลักๆ ก็มีอยู่ 2 วิธี ก็คือ ด้วยวิธีการขัดผิว และ การใช้เคลียด้านพ่น วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีแรกก่อนนะคะ ส่วนการใช้เคลียด้านจะเอามาแนะนำให้ทีหลังคะ
สำหรับการใช้เคลียด้านก็จะเหมาะกับกรณีที่ต้องการจะเก็บ Make-up เดิมเอาไว้ ซึ่งการขัดจะทำให้ make-up บางส่วนหลุกออกไป แต่สีสเปรย์บางยี่ห้อ ถ้านานๆไป สีจากใสๆ อาจจะออกเหลืองๆ ได้ และอาจจะเป็นรอยและสกปรก ได้ง่าย ก็แนะนำให้ใช้สีสำหรับ โมเดลพลาสติกเท่านั้น และถ้าเป็นรุ่นที่มี UV cut ก็จะยิ่งดีคะ ข้อเลียอีกอย่างของการใช้เคลียด้านพ่นทับ ก็คือ เราไม่สามารถจะล้าง สีที่พ่นทับออก โดยเก็บ Make-up เก่าไว้ได้ ยังไงจะนำมาอธิบายโดยละเอียดต่อไปนะคะ
อุปกรณ์ที่เราจะใช้ในการขัด
- ส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ที่เอามาแนะนำ ก็ได้มาจากเพื่อนๆ ที่แนะนำกันมาใน BlytheThailand: forum กระทู้ที่กล่าวไปด้านบนนะคะ ยังไงก็ถือโอกาสขอบคุณไว้ ณ. ที่นี้ด้วยคะ ^^
- กระดาษทรายละเอียดเบอร์ ต่างๆ ที่เราใช้จะเป็น ของยี่ห้อ Fuji Star ซื้อได้ที่ Home Pro คะ จะมีสีเทาอมฟ้า มีผิวหน้าคล้ายๆกระดาษหนังช้าง เราจะใช้เบอร์ 600 ขึ้นไป
- กระดาษทรายของ Tamiya ลักษณะจะคล้ายๆ กันแต่เบอร์จะละเอียดกว่า และแผ่นเล็กกว่า ตามรูปด้านบนจะเป็นด้านหลังนะคะ ส่วนด้านหน้าจะเหมือนคล้ายกับของ Fuji Star ก็จะมีเบอร์ตั้งแต่ 1000 ขึ้นไป เราจะใช้เบอร์ 1500 กับ 2000 ในการขัดละเอียด เพื่อลบรอย หาซื้อได้ที่ ร้านขายอุปกรณ์ Model หรือ ตามห้างสรรพสินค้า เช่น Central ส่วนตัวแทนจำหน่ายของ Tamiya จะอยู่ที่ RCA คะ
- ฟองน้ำสำหรับขัด (Sand Sponge) หาซื้อได้ที่ร้านโดโซะ (ร้าน 60 บาท) อันนี้จะไม่เหมือน กับ Sand Sponge ของ 3M ซึ่งสามารถใช้ขัดแทนกระดาษทรายได้ และจะดีกว่ากระดาษทราย เพราะมีความยืดหยุ่น สามารถขัดในส่วนที่มีความนูนได้ดีกว่า แต่ตอนนี้หาซื้อไม่ได้แล้วฟองน้ำจากร้านโดโซะ จะใช้ในเช็ด make-up ออกก่อนทำการขัดในกรณีที่ต้องการเอา Make-up เก่าออกทั้งหมด หรือเอาไว้เก็บตามส่วนที่นูนก็ใช้ได้ดีคะ แต่จะไม่เหมาะกับการขัดรอบแรก
- น้ำยา Compond ของ Tamiya อันนี้จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้คะ คุณสมบัติจะคล้ายๆ กับน้ำยาขัดสีรถ คือเอาชุบผ้าแล้วเช็ดไปที่พื้นผิว จะช่วยลดรอยขีดข่วน และรอยขนแมว ในขั้นตอนสุดท้าย แต่มันจะทำให้ผิวมันขึ้นคะ อันนี้ก็ขึ้นอยู่ว่าจะอยากได้แบบไหน สามารถใช้นำ้ยาขัดสีรถของ Amway (ขวดสีขาว) ซึ่งไม่รุนแรงมาก มาใช้แทนก็ได้
การทำ Sand Matting (ผิวด้าน) โดยการขัด
ก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าคะ เพื่อให้เราสามารถทำงานได้ง่าย เราแนะนำให้เปิดหัวน้องออกก่อนนะคะ และแยกเอาชิ้นส่วนต่างๆ ออกให้เหลือแต่ ส่วนหน้่าสำหรับ RBL ก็ดูวิธีการได้ที่นี่นะคะ วิธีเปิดหัวน้องบลายธ์แบบ Radient Blythe Type(RBL) ส่วน SBL ซึ่งก็ขอกันมามาก ไว้จะลงให้อีกทีนะคะ
เมื่อแยกส่วนออกมาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็เริ่มการขัด เริ่มจากกระดาษทราย เบอร์ 600 หรือ ถ้าต้องการผิวด้านมากๆ อาจจะใช้เบอร์หยาบกว่านี้ แต่ไม่ควรต่ำกว่าเบอร์ 400 เพราะเท่าที่ได้ลองดู กระดาษทรายเบอร์ 400 แค่ขัดเบาๆ ก็จะเป็นรอยแล้วคะ แต่ยังไงก็ตามควรจะลองกับส่วนหลังของหัวก่อนนะคะ แนะนำให้ค่อยๆ ขัดดีกว่าคะ ใจเย็นๆ เพราะกระดาษทรายเบอร์ละเอียดจะใช้เวลาขัดนานกว่า เพราะจะขัดไม่ค่อยออก แต่ก็จะไม่เสียหายมากถ้าเกิดพลาด การขัด หรือจริงๆ การเรียกว่า “ขัด” อาจจะไม่ถูกนัก อาจะเรียกว่าเอากระดาษทราย “ลูบ” ผิวมากกว่าคะ ก็ให้ตัดกระดาษทรายให้เป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ 1 x 2 cm หรือ ประมาณปลายนิ้วชี้คะ
เริ่มขัดโดยใช้นิ้วชี้จับกระดาษทรายค่อยๆลูบบนผิว โดยวนเป็นวงกลม ไม่ควรขัดเป็นแนวยาว และก็ไม่ควรใช้นิ้วโป้งนะคะ เพราะนิ้วโป้งจะมีแรงมากกว่าคะ ค่อยๆขัดให้ (หรือลูบ) ผิวส่วนที่มีความมันออกไป และก็ระวังถ้าขัดแรงไป หน้าน้องเสียรูปทรงนะคะ โดยเฉพาะบริเวณจมูกและปาก ก็อาจจะตัดกาะดาษทรายให้ชิ้นเล็กลง เพื่อให้เข้าถึงซอกมุมต่างได้ง่ายขึ้นคะ สำหรับกระดาษทราย เวลาขัดตามซอกเล็กๆ ก็ไม่ควรจะพับเป็นมุม แล้วขัดนะคะ เพราะจะทำให้เป็นรอยได้ง่าย ควรใช้กระดาษทรายห่อกับ Cotton Butt จะดีกว่าคะ
ลองเอาหน้าน้องส่องกับไฟดูว่ายังมีส่วนที่เป็นเงาๆ สะท้อนอยู่หรือไม่ ค่อยๆ ขัดๆ ลูบๆ จนพอใจคะ
เมื่อขัดรอบแรก เรียบร้อยแล้ว ก็ทำความสะอาดพื้นผิวด้วยน้ำ หรือน้ำผสมสบู่ เพื่อขจัดฝุ่น ผงต่างๆ ออก ก่อนคะ ซึ่งอาจจะทำให้หน้าน้องเป็นรอยตอนเราขัดในขั้นต่อไปคะ เช็ดให้แห้ง แล้วก็ลองตรวจดูว่าน้องมีริ้วรอย ตรงไหนบ้าง ตรงไหนที่เราอาจจะขัดแรงไป แล้วก็จำไว้ เพื่อตอนที่เราขัดจะได้ดูแล ส่วนนั้นๆ เป็พิเศษ ทีนี้ก็เริ่มการขัดโดยใช้ กระดาษทรายเบอร์ละเอียดมากขึ้น จะเป็นเบอร์ 1500 หรือ 2000 ก็แล้วแต่ว่ารอบแรกเราขัดแล้วเป็นรอยมากขนาดไหน ถ้าเป็นรอยลึก ก็อาจะต้อง ใช้เบอร์ 1500 ก่อน แล้วค่อย ตามด้วเบอร์ 2000 อีกรอบคะ แต่ถ้ารอบแรกดีอยู่แล้วก็สามารถข้ามไปใช้เบอร์ 2000 ได้เลยคะ เราจะทำการขัดซ้ำแบบเดิม ด้วยกระดาษทรายที่ละเอียดมากขึ้น ก็เพื่อลบรอยขูดขีดต่างๆ ออก ทีนี้ก็อยู่ที่เราแล้วหละคะว่าอยากได้ ด้านขนาดไหน
รูปด้านบนจะเป็นหลังจากใช้กระดาษทรายเบอร์ 1500 ขัดไปแล้ว แต่เราทำไปแค่ครึ่งหน้า เพราะต้องการถ่ายรูปเปรียบเทียบ ก่อนหลังการขัด จะเห็นว่าที่เบ้าตายังคงมีรอยขีดข่วนเล็กๆอยู่
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็ทำความสะอาดอีกครั้งคะ และก็อย่าลืมทำส่วนหลังของหัวด้วยนะคะ ทีนี้ถ้าต้องการให้หน้าน้องมันขึ้นมานิดนึง เป็นแบบกึ่งมันกึ่งด้าน (Semi-Matted) ก็สามารถใช้ Compound ของ Tamiya ลงซ้ำได้นะคะ แต่เราไม่ได้ใช้ เลยไม่มีรูปให้ดู ซึ่งอย่างที่บอกไปว่า Compound ก็คือน้ำยาขัด ซึ่งจะช่วยลดรอย ขีดข่วน และสามารถขัด พลาสติกให้เงาขึ้นได้ Compound ของ Tamiya จะมี 3 แบบ ก็คือ Coarse (หลอดตัวหนังสือสีแดง) Fine (หลอดตัวหนังสือสีฟ้า) และ Finish จะเป็นหลอดตัวหนังสือสีดำ ซึ่งอันหลังสุดก็เอาไว้ขัดขึ้นเงา ซึ่งเราคงจะไม่ได้ใช้ แต่จริงส่วนตัวยังไม่ได้ลองใช้ แต่ถ้าต้องการลบรอยขีดข่วนเฉยๆ และให้มันขึ้นไม่มาก แบบ Coarse น่าจะโอเคคะ ใครได้ลองใช้แล้วเป็นยังไง ก็มาเล่าให้ฟังด้วยนะคะหรือบางคนก็บอกว่า สามารถเอา เสื้อยืดของเราเนี่ย ขัดๆ ถู ก็จะลดรอยขีดข่วนได้ และทำให้หน้ามันขึ้นมาได้นิดนึงเช่นกันคะ
อ้างอิงมาจาก :: http://www.blythethailand.com/custom-blythe/blythe-sand-matting.html
ชื่อเล่นของน้อง… blythe
ชื่อของน้อง (รายละเอียด) - ชื่อเล่น (อักษรย่อ) + รายละเอียดเพิ่มเติม
- Parco (Limited) - Parco (short/abbrv)
- Mondrian- YSL (matte face)ผิวเป็นผิวด้านนะคะ
- Mondrian (FAO exclusive) - YSL (matte face)
- Mondrain (FAO exclusive) - YSL (shiny face ผิวมันเงา ,relaxed eye)
- Hollywood - Hollywood (matte face)
- Hollywood (FAO exclusive)- Hollywood (shiny face)
- Aztec Arrival - Aztec
- Rosey Red - Rosy (matte face)
- All Gold In One - Goldie (matte face)
- Kozy Kape Inspired - Kozy (matte face)
- AztecArrival Inspired - Aztec
- Sunday Best - SB
- Dotty Dot - DD
- Miss Anniversary (Limited) - Miss A
- Bohemian Beat - BB
- Asian Butterfly - AB
- Piccadilly Dolly - Picca
- Skate Date - SD
- Rouge Noir - RN
- Excellent Hollywood - ?
- Cherry Berry - CB
- Cinnamon Girl - CG
- Tea For Two - T42
- Fancy Pansy - FP
- Disco Boogie - DB
- Love Mission - LM
- Bohemian Beats Again - BBA
- Nike Blythe (Limited) - Nike
- Fruit Punch - FP
- Very Cherry Berry - VCB
- Superior Skate Date - SSD
- Very Inspired by Pow Wow Poncho - PWP
- Velvet Minuet (Korean Toys R Us 1st Anniversay Limited) - VM
- Silver Snow - SS
- I Love You Its True - ILYIT
- Sunday Very Best - SVB
- Happy Every Day Over The Stripes (Limited) - OTS
- Lounging Lovely - LL
- French Trench - FT
- Art Attack (Limited) - AA
- Paradis by Mono Comme Ca (Limited) - MCC
- Birdie Blue - BB
- Mademoiselle Rosebud - MRB
- Samedi Marche - SM
- Groovy Groove - GG
- Mittens Blythe (Limited) - Mitten
- Lil’ Heart aka Milk Blythe (Limited) - Milk
- Tweedly Do - TD
- Inspired by Pinafore Purple - PP
- Margaret Meets Ladybug (Limited) - MML
- V-Smash - VSmash, VS
- Candy Carnival - CC
- Cinema Princess - CP
- Roxy Blythe (Limited) - Roxy
- Good Neighbor Cafe - GNC
- Tommy February 6 Blythe (Limited) - FEB
- Asian Butterfly Encore - ABe
- Samedi Marche Encore - SMe
- Rendez-vous Chouchou (Limited) - RCC
- White Magic Morning (Limited) - WMM
- White Magic Afternoon - WMA
- White Magic Night - WMN
- Merry Skier - MS
- Cute and Curious (Limited) - C&C or Cucu
- BlackBerry Bush (Limited) - BBB
- Tea For Two Encore - T42e
- Rosie Red Encore - RRe
- Night Flower - NF
- Strawberry Millefeuille (Limited) - SMF
- Honey Bunny Once More - HB
- Prima Dolly Ashlette - PD1A
- Prima Dolly Ginger - PD1G
- Prima Dolly Violet - PD1V
- Darling Diva (Limited) - Diva
- Piccadilly Dolly Encore - PDe
- Last Kiss (Limited) - LK
- Star Dancer - SD
- Yukinonamidahime (Limited) - Yuki
- Ichigo Heaven (Limited) - IH
- Feel The Sky - FTS
- Prima Dolly Aubrey - PD2A
- Prima Dolly Saffy - PD2S
- Prima Dolly Ebony - PD2E
- Prima Dolly Melon (Limited) - PDM
- Tailor Gibson (Shop Limited) - TG
- Ultimate Tour (Limited) - UT
- Rainy Day Parade (Shop Limited) - RDP
- Gentle River (Limited) - GR
- My Best Friend - MBF
อ้างอิงมาจาก :: http://www.blythethailand.com/what-is-blythe/blythe-nickname.html